Financial Solutions for your Business Success
นำความสำเร็จสู่ธุรกิจด้วยหลักคิดทางการเงิน
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(Privacy Policy)
“สำหรับลูกค้าและบุคคลที่เกี่ยวข้อง”
ของ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย
1. เราเก็บข้อมูลของใคร
1.1 ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น
-
บุคคลที่ใช้หรือเคยใช้บริการของบริษัท
-
บุคคลที่ได้รับการเสนอหรือชักชวนเพื่อใช้บริการกับบริษัท
-
บุคคลที่ติดต่อสอบถามข้อมูลการให้บริการของบริษัท
1.2 บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท และ นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท เช่น
-
ผู้เริ่มก่อการ ผู้ถือหุ้น หุ้นส่วนตัวแทน
-
กรรมการ / กรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ
-
บุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 258 พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
-
ญาติสนิท ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้บริหารของบริษัท
-
ผู้บริหารตามโครงสร้างองค์กร
-
ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
-
พนักงาน เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง และ / หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
1.3 บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท หรือ เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าของบริษัท เช่น
-
คู่ค้า คู่สัญญา
-
ผู้ลงทุน ผู้ที่สนใจร่วมลงทุน
-
เจ้าหนี้ ลูกหนี้ ผู้คํ้าประกัน ผู้จำนอง ผู้ให้หลักประกัน
-
คู่ความ คู่กรณี
-
ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมทั้งที่ปรึกษาด้านอื่นๆ
-
บุคคลที่ติดต่อขอให้บริษัทประสานงานกับผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ผู้ร่วมรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เกี่ยวกับการจองหลักทรัพย์ที่เสนอขายเพิ่มทุนครั้งแรกแก่ประชาชน (IPO) หรือหลักทรัพย์อื่น
-
กรรมการ ผู้บริหารของนิติบุคคลที่ลูกค้าแนะนำหรืออ้างอิงให้มาใช้บริการ
-
บุคคลอื่นใดที่บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากการดำเนินธุรกิจหรือการทำธุรกรรม
2. เราเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางไหน
2.1 จากท่านที่ให้กับบริษัทโดยตรง หรือ เป็นข้อมูลที่มีอยู่กับบริษัทก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นผลจากการมาใช้บริการ การติดต่อ การเยี่ยมชมกิจการ การเข้าร่วมกิจกรรมการ Roadshow การประชุมสัมมนา การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับลูกค้า หรือช่องทางอื่นๆ
2.2 จากกรรมการ ผู้บริหาร ของนิติบุคคลที่ท่านสังกัดหรือเกี่ยวข้องกับท่านที่ให้ไว้กับบริษัทก่อนหน้านี้รวมทั้งที่ให้ไว้ในปัจจุบันหรือในอนาคต
2.3 จากการ ค้นหาผ่านช่องทางให้บริการ และ / หรือ ช่องทางการติดต่อต่างๆ ของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของนิติบุคคล (BOL) เว็บไซต์ อีเมล์ โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์
2.4 จากบุคคลหรือนิติบุคคลที่ใช้บริการหรือติดต่อทางธุรกิจกับบริษัท ที่ท่านเป็นผู้เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลนั้น
2.5 จากข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ
2.6 จากแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น เช่น แหล่งข้อมูลที่เข้าถึงได้ทั่วไป โดยใช้อินเตอร์เน็ต บัญชีโซเชียลมีเดียที่คุณตั้งค่าเผยแพร่ต่อสาธารณะ เอกสารที่ท่านหรือลูกค้านิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านเผยแพร่ต่อสาธารณะ
3. เราเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลอะไรบ้าง
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ติดต่อธุรกิจบริษัท
ในการเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นประเภทของข้อมูลหรือตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย บริษัทจะพิจารณาประเภทของข้อมูลที่จะเก็บรวบรวมตลอดจนตัวอย่างข้อมูลที่จะเก็บรวบรวมตามที่เห็นว่าเหมาะสม เท่าที่จำเป็น หรือเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท
หากท่านในฐานะกรรมการ ผู้บริหารหรือพนักงานของลูกค้านิติบุคคล เป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใด ซึ่งเป็นบุคลากรของนิติบุคคล และ / หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับท่านแก่บริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง คู่ค้า ผู้ค้ำประกัน ผู้จำนอง ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ และ / หรือ บุคคลอื่นใด เป็นต้น ขอให้ท่านโปรดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบุคคลเหล่านั้นเสียก่อน เพื่อให้ท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้บริหาร สามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลตามที่กล่าวได้
4. เราเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
4.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในสัญญาหรือข้อตกลงที่ท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านสังกัดทำไว้กับบริษัท เช่น ใช้ประกอบในการทำ Due Diligence การให้คำปรึกษา การให้คำแนะนำ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ / หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนใช้เพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ
ในการให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท มีการให้บริการดังนี้
1) ที่ปรึกษาทางการเงินเเพื่อเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
2) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการขออนุญาตต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรกและการนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Initial Public Offering : IPO)
3) ที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการให้คำเเนะนำที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
4) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการออก Warrant ให้กับผู้ถือหุ้น (Warrant) รวมทั้งการออก Warrant ให้กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ESOP)
5) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการออกหุ้นกู้ (Bond and Debenture)
6) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการออกหุ้นขายให้กับบุคคลโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement: PP)
7) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการหาแหล่งเงินกู้ให้กับลูกค้านิติบุคคล (Loan Arranger)
8) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการแก้ไขหนี้ (Debt Restructuring)
9) ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการร่วมลงทุนของลูกค้านิติบุคคลกับผู้สนใจร่วมลงทุน (Joint Venture)
10) ที่ปรึกษาเพื่อการควบรวมกิจการและการซื้อขายกิจการ (Merger and Acquisition)
11) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อดำเนินการให้กับลูกค้านิติบุคคลตามข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Independent Financial Advisor : IFA)
12) ที่ปรึกษาเพื่อการขายตั๋วแลกเงิน (B/E) รวมทั้งการหาบริษัทหลักทรัพย์ช่วยในการขายตั๋วแลกเงิน (B/E) ให้แก่นักลงทุน
13) ที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่ากิจการ (Business Valuation) หรือการประเมินมูลค่าของกิจการ (Share Valuation)
14) ที่ปรึกษาทางการเงินอื่นๆ ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ มีคำสั่งประกาศให้บริษัท/บริษัทมหาชน สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงินเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ และกำหนดให้ธุรกรรมที่ประกาศนั้นจะต้องมีที่ปรึกษาทางการเงิน
4.2 เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ได้แก่
-
การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบสถานะของลูกค้านิติบุคคล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กฏ ระเบียบ ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล รวมถึงกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer : KYC) และตรวจสอบสถานะลูกค้า (Customer Due Diligence : CDD) การตรวจสอบกับรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด (Sanction List) ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐ การตรวจสอบสถานะทางการเมือง การตรวจสอบการถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือความเป็นบุคคลล้มละลาย การตรวจสอบข้อมูลการกระทำผิดกฎหมาย ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
การปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ หรือ หน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย
4.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ได้แก่
-
การแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน ด้วยข้อความที่ถูกต้อง เพียงพอ และเหมาะสม เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กฏ ระเบียบ ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
การบันทึกภาพเคลื่อนไหวโดยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อตรวจดูการเข้า – ออกสถานที่ทำการของบริษัท เพื่อการปกป้อง/ป้องกันพื้นที่ต่างๆ และทรัพย์สินของบริษัทไม่ให้เกิดความเสียหาย ตามระยะเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม
-
การแสดงภาพถ่าย หรือ การบันทึกเสียงและ/หรือภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ที่เกิดจากการ Due Diligence หรือการเยี่ยมชมกิจการ
4.4 เพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่าน โดยบริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านตามวิธีการที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้เป็นการสะดวกกับท่าน ได้แก่
-
การใช้ข้อมูลของท่านเพื่อดำเนินการทางการตลาด เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม อีเว้นท์ งานอบรมสัมมนาที่บริษัทจัด หรือนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์
5. เราเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง
5.1 ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย และ / หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านรวมถึง
-
หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเฉพาะในส่วนที่กฎหมายกำหนด บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานที่ทำหน้าที่จดทะเบียนหลักประกัน เป็นต้น
-
หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เช่น ศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ
-
ผู้ถือหุ้น และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการให้บริการบางประเภท ตามแบบที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ แบบประกาศเจตนาการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
5.2 ที่ปรึกษา / ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditors) ผู้ตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ที่ปรึกษาด้านต่างๆ ผู้ประเมินราคาอิสระ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ตามแต่กรณี
5.3 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เช่น ผู้รับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ (Lead Underwriter) และ ผู้ร่วมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Co - Underwriters)
5.4 ผู้ให้บริการของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการคลังเก็บเอกสาร โรงพิมพ์ ผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ ผู้ให้บริการด้านการแปลเอกสาร ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน ผู้ให้บริการสื่อและการตลาด
5.5 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สามอื่นใด หรือเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป ตามที่เห็นว่าเหมาะสม หรือเพื่อประโยชน์ของลูกค้าที่ใช้บริการ
6. เราจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร นานแค่ไหน
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่นิติบุคคลที่ท่านสังกัดเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ โดยจัดเก็บในรูปแบบเอกสาร (Hard Copy) และ/หรือ อิเล็กทรอนิกส์ (Soft Copy) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองรูปแบบตามที่บริษัทเห็นสมควร บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็น หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น
-
จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 - 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี
-
จัดเก็บไว้ตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 5 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์
-
จัดเก็บไว้ตามกฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์
-
กรณีกล้อง CCTV ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกเก็บไว้นานถึง 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่จัดเก็บตามที่กล่าว หากมีข้อกำหนดของกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการกำหนดระยะเวลาจัดเก็บแตกต่างจากที่กล่าว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการต่างจากที่กล่าวก็ได้
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดวิธีการที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
7. เรามีมาตรการคุ้มครองและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร
7.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ ด้วยความถูกต้องให้สามารถพร้อมใช้งาน
7.2 บริษัทได้จัดให้มีวิธีการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายให้เข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ ข้อกำหนดให้ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องรักษาความลับข้อมูลที่บริษัทกำหนดขึ้น
8. ท่านมีสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร
8.1 สิทธิขอถอนความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยการถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับการดำเนินการต่างๆ อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญากับท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านสังกัดหรือเกี่ยวข้องได้ เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม จากกรรมการ ผู้บริหารของนิติบุคคลที่ท่านมีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับท่านเสียก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมา
8.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล ขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
8.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือวิธีการอื่นที่ถือปฏิบัติกัน และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
8.4 สิทธิขอคัดค้าน การเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ เว้นแต่การเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเมื่อบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
8.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8.8 สิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ภายใต้สิทธิดังกล่าวข้างต้นและภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง หรือ ระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอให้สิทธิของท่านภายในระยะเวลา ดังนี้
9. เราจะแจ้งการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง นโยบายอย่างไร
หากมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เราจะดำเนินการประกาศให้ทราบทุกครั้งผ่านเว็บไซต์ https://www.apmassetpro.com/
10. ท่านจะติดต่อเราได้อย่างไร
10.1 สถานที่ติดต่อ : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เลขที่ 999/9 ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 10 ห้อง 1011-1012 ถ.พระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. 10330
10.2 อีเมล : compliance@assetpro.co.th